การเพิ่มผลผลิต Productivity
การเพิ่มผลผลิต
(Productivity) ได้มีผู้ให้ความหลากหลายแตกต่างกันไป
เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต
การเพิ่มปริมาณผลผลิต เป็นต้น ซึ่งความหมายการเพิ่มผลผลิตสามารแบ่งออกเป็น 2 แนวคิด คือ

การเพิ่มผลผลิต = ผลผลิต (Output)
ปัจจัยการผลิต
(Input)
ซึ่งทำได้ทั้งการวัดเป็นจำนวนชิ้น
น้ำหนัก เวลา ความยาว และการวัดตามมูลค่าในรูปของตัวเงิน

การปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต
เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนนั้น องค์การนั้นๆ
จำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบทั้ง 7 ดังนี้คือ
1. Quality
คุณภาพ หมายถึง
การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
2. Cost
ต้นทุน หมายถึง
การลดต้นทุนที่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน
3. Delivery
การส่งมอบ หมายถึง
การส่งมอบสินค้าหรือบริการที่ถูกต้อง ถูกเวลา และถูกสถานที่
4. Safety
ความปลอดภัย หมายถึง
การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายกับพนักงาน
ซึ่งส่งผลให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน
5. Morale
ขวัญกำลังใจในการทำงาน หมายถึง
การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ให้เอื้อต่อการทำงานของพนักงานที่จะปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ
6. Environment
สิ่งแวดล้อม หมายถึง
การดำเนินธุรกิจโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และ ชุมชน
7. Ethics
จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ หมายถึง
การดำเนินธุรกิจโดยไม่เอาเปรียบทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ลูกค้า
ผู้จัดหาสินค้าพนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่แข่ง ภาครัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม

1.กิจกรรมเพื่อความปลอดภัย คือ
กิจกรรมเสริมสร้างความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานให้กับพนักงาน
2. กิจกรรม 5ส คือ
กิจกรรมเพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสถานที่ทำงาน
3. วงจร PDCA คือ
วงจรเพื่อการบริหารและการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
4. กิจกรรมข้อเสนอแนะ คือ กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดใหม่ๆ
ซึ่งสามารถปฏิบัติได้และเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงงานที่ปฏิบัติอยู่แล้วให้ดีขึ้น
5. กิจกรรมกลุ่มย่อย คือ
กิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหาและปรับปรุงงานอย่างเป็นระบบ
โดยการร่วมกลุ่มของผู้ปฏิบัติงานจำนวน 3-10 คน
1. การบริหารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management : TQM) คือ ระบบการบริหารงานที่เน้นคุณภาพ โดยมุ่งความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ
2.การบำรุงรักษาทวีผลแบบทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive
Maintenance : TPM) คือ ระบบการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่เน้นให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วยตนเอง
เพื่อให้เครื่องจักรมีประสิทธิภาพสูงสุดและคงอายุการใช้งานนานที่สุด
3. การผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just In Time : JIT) คือ ระบบการผลิตที่มุ่งเน้นการผลิตเฉพาะชิ้นส่วนที่จำเป็น ในเวลาที่จำเป็น
เมื่อเวลาที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อมุ่งขจัดความสูญเปล่าต่างๆ
ประเภทของการเพิ่มผลผลิต

ความสัมพันธ์กับลูกค้า
และความพึงพอใจของลูกค้า
องค์กรมีวีธีการอย่างไรในการจัดการกับข้อร้องเรียนของลูกค้า
องค์กรมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้มั่นใจว่าข้อร้องเรียนเหล่านั้นได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิผลและทันท่วงที
และองค์กรมีวิธีการอย่างไรในการรวบรวม
และวิเคราะห์ข้อร้องเรียนเพื่อใช้ในการปรับปรุงทั่วทั้งองค์กร
รวมทั้งให้คู่ค้านำไปใช้ในการปรับปรุง
การวางแผนด้านทรัพยากรบุคคล



การวัดการเพิ่มผลผลิต

1. การวัดการเพิ่มผลผลิตเป็นการคำนวณหาผลลัพธ์จากผลิตผลส่วนด้วยปัจจัยการผลิตแต่ต้อคำนึงด้วยว่าผลิตผลที่นำมาใช้วัดนั้นต้องมีคุณภาพด้วย
2. การเพิ่มผลผลิตของหน่วยงานจะสูงขึ้นได้ เพราะการเพิ่มผลผลิตในระดับบุคคลและในระแผนกสูงขึ้น
3. ประสิทธิผลหมายถึงระดับความสำเร็จของวัตถุประสงค์ เช่น ความสามารถในการสนองความต้องการของลูกค้า ส่วนประสิทธิภาพหมายถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า โดยไม่ให้เกิดความสูญเปล่า หรือสูญเสีย
4. วัตถุประสงค์ระยะยาวของการวัดการเพิ่มผลผลิตคือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
2. การเพิ่มผลผลิตของหน่วยงานจะสูงขึ้นได้ เพราะการเพิ่มผลผลิตในระดับบุคคลและในระแผนกสูงขึ้น
3. ประสิทธิผลหมายถึงระดับความสำเร็จของวัตถุประสงค์ เช่น ความสามารถในการสนองความต้องการของลูกค้า ส่วนประสิทธิภาพหมายถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า โดยไม่ให้เกิดความสูญเปล่า หรือสูญเสีย
4. วัตถุประสงค์ระยะยาวของการวัดการเพิ่มผลผลิตคือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

สาระสำคัญของการเพิ่มผลผลิตก็คือการสะท้อนภาพของความทุ่มเทพยายามของผู้ที่เกี่ยวของ
เราได้ศึกษามาแล้วว่า
การเพิ่มผลผลิตคืออัตราส่วนระหว่างผลิตผลและปัจจัยการผลิตดังนั้น
ไม่ว่าเราจะมีหน้าที่การงานอะไรก็ตาม
เราต้องสามารถแยกแยะให้ได้ว่าอะไรคือผลิตผลและอะไรคือปัจจัยการผลิต

ในยุคแห่งการแข่งขันการวัดการเพิ่มผลผลิตได้มีบทบาทต่อการตัดสินใจในการดำเนินงานชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการจะต้องมองถึงผลได้ผลเสียของการลงทุน
เราคงได้ยินข่าวสารเรื่องนักลงทุนต่างประเทศย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยหรือประเทศในภูมิภาคนี้เพราะได้เปรียบเรื่องค่าแรงกันอยู่เสมอสาเหตุสำคัญที่มีการย้ายฐานการผลิตก็เพราะนักลงทุนเหล่านั้นได้ทำการวัดการเพิ่มผลผลิตโดยคร่าว
ๆ แล้ว พบว่าคุ้มค่ากว่า ยกตัวอย่างเช่น หากการผลิตรถยนต์ 1 คัน
ในประเทศไทยทำให้นักลงทุนต้องจ่ายค่าแรงน้อยกว่าการผลิตในประเทศเยอรมัน
นักลงทุนย่อมที่จะเลือกมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย
แต่ตราบใดก็ตามที่นักลงทุนพบว่าค่าแรงของประเทศอื่นถูกกว่าประเทศไทย
ก็ย่อมมองหาลู่ทางที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศนั้น
เพราะคุ้มค่ามากกว่าโดยการเปรียบเทียบผลได้ผลเสียที่คำนวณได้จากการวัดการเพิ่มผลผลิต

ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และการเพิ่มผลผลิตแนวคิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการวัดการเพิ่มผลผลิตก็คือแนวคิดเรื่องประสิทธิผลและประสิทธิภาพการผลิตที่มีประสิทธิผลก็คือการผลิตสิ่งที่ต้องการ
หากเป็นสินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาดต้องเป็นสินค้าที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและสามารถจำหน่ายได้สำหรับประสิทธิภาพก็คือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
โดยไม่ให้เกิดความสูญเปล่าหรือสูญเสีย
ต่อไปนี้เราจะได้ศึกษารายละเอียดของประสิทธิผลและประสิทธิภาพ

ในการเพิ่มผลผลิตจะต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกัน เช่น
อิทธิพลภายนอกองค์การ ขบวนการผลิต ความสามารถในการผลิต สินค้าคงคลัง
และกำลังแรงงาน ซึ่งแต่ละปัจจัยย่อย ๆ อื่น ๆ ประกอบอีก (ดูแผนภูมิประกอบ)
การเพิ่มผลผลิตจะใช้เพียงปัจจัยหนึ่งปัจจัยใดจะได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ค่อย สมบูรณ์นัก
เพราะทุกปัจจัยจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันแต่เราสามารถให้น้ำหนักของความสำคัญในแต่ละปัจจัยไม่เท่ากันได้แล้วแต่
สถานการณ์แวดล้อม
1.ความเข้าใจในเป้าหมายที่ชัดเจนรวมถึงวิสัยทัศน์การทำงานที่แทรกซึมเข้าไปเป็นวัฒนธรรมองค์กรและพนักงานใช้ในการทำงานร่วมกัน
2.ผลผลิตของบริษัท ที่เป็นมากกว่า
ผลของการทำงาน แต่เป็นผลผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสังคม
3.ความซื่อสัตย์และความโปร่งใสขององค์กร
ที่ใช้ในการติดต่อการสื่อสารไปยังลูกค้าเพื่อสร้างความไว้ใจ
และความเชื่อถือให้เกิดตามมา
4. การวางแผนสร้างความสัมพันธ์ระะหว่างองค์กรกับลูกค้า
ให้เกิดขึ้นในระยะยาว
5. พนักงานเข้าใจถึงวิธีการทำงานเป็นทีม
และทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
6. การมองไปในระยะยาว ถึงการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานที่ดีขององค์กร
7. การที่พนักงานเข้าใจว่าวิธีที่จะสามารถแข่งขันกับองค์กรอื่นๆนั้นจะต้องรีดขีดพลังความสามารถของตัวเองออกมามากที่สุดและต้องปฏิบัติตามข้อตกลงขององค์กร
8. หัวหน้าและพนักงานมองอนาคตไปในทิศทางเดียวกัน
และกำลังปฏิบัติการเพื่อมุ่งไปยังอนาคตนั้น
9. องค์กรปรับปรุงกลยุทธ์ไปเรื่อยๆ
อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งความสนใจ ไปที่การพัฒนาความสามารถ
และเพิ่มประสบการณ์ให้กับพนักงาน
10. องค์กรวางโครงสร้างในการทำงานเป็นทีม
ให้เล็ก กระชับ และใช้งานได้ง่ายแต่วางเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จให้มีความยิ่งใหญ่
ที่มา : http://achinan.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น